พระอาจารย์
3/16 (540122D)
(แทร็กชุดต่อเนื่อง)
22 มกราคม 2554
(ช่วง 1)
(หมายเหตุ : แทร็กนี้ยาวมาก แบ่งโพสต์เป็น 4 ช่วงบทความนะคะ)
โยม – จะถามเรื่องดูกาย เคยได้ฟัง แล้วคิดเข้าข้างตัวเอง ...สงสัยจะดูผิดมาตลอด
คือมันจะเห็นอย่างนี้ค่ะ
ถ้ามันยกมืออย่างนี้ก็จะเห็นตัวเองพนมมือ บางทีมองเห็นก็รู้ว่าเห็น แต่บางทีไม่มองก็เห็นว่าตัวเองพนมมือ
พระอาจารย์ – คือเป็นรูปในจิต
โยม – แบบนั้นไม่ได้เรียกว่ารู้กายใช่ไหมคะ
พระอาจารย์ – ใช่ มันเป็นรูปในจิต...ก็ให้เห็นว่านี่คืออาการของนามนะ ...ถ้ากายจริงๆ ดูที่ความรู้สึก
โยม – ให้เปลี่ยนมาดูที่ความรู้สึกแทนหรือคะ
พระอาจารย์ – คือไม่ได้เปลี่ยน ...แต่ให้แยกให้ออกระหว่างรูปกับนาม หรือว่ากายกับอาการของนาม
โยม – ทีนี้ถ้าสมมุติเราเห็นว่าเรากำลังพนมมือ
กำลังมองพระอาจารย์ แต่ว่าความรู้สึกเห็นว่าเราพนมมืออยู่
ถ้าเห็นแบบนี้ก็ไม่ต้องไปตัดมันทิ้ง ก็คือให้รู้ว่าเห็น
พระอาจารย์ – ไม่ต้อง ให้เห็นว่าเป็นอาการ ...แล้วขณะนั้นให้แยกลงไปดูที่ความรู้สึกตัว
โยม – อ๋อ
พระอาจารย์ – ให้มันเห็นว่ากายจริงๆ คืออันนี้ ...ให้มันเห็นความต่างกันระหว่าง “รู้สึกตัว” กับ “รูป” ที่เห็นพนมมือ ว่ามันเป็นนิมิตคือสัญญา
หรือเป็นความรู้รูปทางความปรุง
โยม – คือสัญญาตรงนี้ไม่เรียกว่าเป็นดูกายแต่เป็นสัญญา
พระอาจารย์ – เป็นสัญญา ...เป็นกายในสัญญา
โยม – แต่ความรู้สึกนี่คือเรียกรู้กาย
พระอาจารย์ – อือฮึ
โยม – อย่างเวลานั่งสมาธิบางทีเราจะเห็นว่าท่าเรานั่งในลักษณะอย่างนี้
นั่นก็เป็นแบบเดียวกัน เป็นสัญญา
พระอาจารย์ – เป็นรูปนิมิต รูปสัญญานิมิต
โยม – ก็คือ ถ้าเห็นแบบนี้ ก็รู้ว่าเห็นเฉยๆ
พระอาจารย์ – รู้ว่าเห็น...แล้วก็ให้แยบคายลงไปที่กาย
โยม – แยบคายลงไปที่ความรู้สึก
พระอาจารย์ – ใช่ ให้มันแยกออกมา เป็นกายอันนึง
แล้วก็นามอันนึง แล้วก็รู้อันนึง ...ให้มันเห็นว่าขณะที่รู้อย่างนั้นน่ะ กายไม่มีเลย
ที่รู้ว่ารูปกำลังนั่ง
ขณะนั้นไม่มีความรู้สึกที่ตัวเลย
โยม – ค่ะ ใช่ค่ะ
พระอาจารย์ – แต่ว่ากายดับ ไม่มีกายเลย ตรงนี้เป็นนามล้วน ๆ
เข้าใจมั้ย ...แล้วลงมาแยก
จำแนกลงไปที่กายตรงๆ ก็จะไปดูที่ความรู้สึกตัว
พอเห็นแค่ความรู้สึกตัวปุ๊บ ...ไม่ต้องไปดูทั้งตัวหรอก
ดูแค่ก้นกระทบ ที่แรงตึงก็ได้ ปุ๊บ ...รูปภาพนั้นดับ รูปของนามนั่งดับเลย นะ
โยม – ค่ะ
พระอาจารย์ – ให้แยกกันอย่างนี้
ให้ดูแยบคายลงไป ...ไม่ได้ไปทำลายหรือดับมันนะ ให้แยกจำแนกให้ชัดเจน
จำแนกด้วยใจให้ชัดเจนลงไปว่าอันไหนเป็นรูป อันไหนเป็นนาม
มันจะได้เห็นว่า...จริงๆ
แล้วรูปนั่งไม่มี กายนั่งไม่มี ...กายไม่มีนั่ง กายจริงๆ น่ะ ไม่มีนั่ง ไม่มียืน ...มีแต่อาการวูบๆ วาบๆ
โยม – ความรู้สึกนี่ไม่ใช่ว่าเป็นเวทนาใช่ไหมคะ
พระอาจารย์ – เป็นเวทนา กายเวทนา อาการกระทบทั้งหมดน่ะคือเวทนา ผัสสะทั้งหมดที่มากระทบคือเวทนา
จักขุเวทนา ตาเห็นรูปนี่เห็น มันเป็นเวทนานึง เข้าใจมั้ย แต่เป็นเวทนาทางตา
การกระทบกัน
หูนี่ก็เป็นโสตเวทนา ...คือการกระทบกันนี่เป็นเวทนา
มันถึงมารับรู้ผ่านมาเป็นเวทนาที่ใจ...พอใจ ไม่พอใจ นี่อีกทีนึง ...มันมี 2 เวทนา
โยม – อ๋อ ทีนี้ตาหูจมูกลิ้นกายใจที่มากระทบทั้งหมดนี่เรียกว่าเวทนาใช่ไหมคะ
อย่างการที่มารู้สึกตัวนี่คือกายเวทนา
พระอาจารย์ – ใช่ กายเวทนา มันรับรู้โดยวิญญาณ ผ่านทางวิญญาณ
กายวิญญาณ ...มันรับรู้ออกมาเป็นเวทนา หนักบ้าง เบาบ้าง แตกต่างกันไป
เย็น ร้อน อ่อน แข็ง พวกนี้เป็นเวทนาทางกายหมด
แล้วรับรู้ด้วยวิญญาณ กายวิญญาณ ...เพราะฉะนั้นตัวกายวิญญาณ กายเวทนานี่ จริงๆ
มันคืออาการเดียวกัน
แต่พอหนักบ้างเบาบ้าง ก็เรียกเป็นเวทนาขึ้นมา
ให้ชัดเจนว่าเป็นเวทนา ...แต่จริงๆ คือมันผ่านถ่ายทอดมาสู่ใจนี่เป็นวิญญาณ
โยม – ทีนี้การแยกของเรานี่ เราจะต้อง....
พระอาจารย์ – ไม่ต้องคิด
โยม – ไม่ต้องคิดใช่มั้ยฮะ ว่าอันนี้คือเวทนา
อันนี้คือสัญญามา
พระอาจารย์ – คือให้เห็นว่ามันเป็นรูปเป็นนาม
แล้วเห็นว่ามันเป็นคนละส่วนกัน เป็นลักษณะคนละอาการกัน
จริงๆ น่ะไม่ต้องใส่ชื่อก็ได้
แต่ให้เห็นว่าเป็นคนละอาการกัน...ว่า “จำ” นะ ไม่เหมือนกับ “คิด” นะ หรือว่า “คิด”
น่ะ ไม่เหมือนกับ “สุข” “ทุกข์” นะ อย่างนี้
สุข-ทุกข์นี่ กับความคิดนี่...คนละตัวกันใช่มั้ย ...แต่ถ้าไม่แยบคายนี่มันก็ดูเหมือนอันเดียวกันน่ะ
ความคิดกับความทุกข์อันเดียวกัน
นี่ ...ไม่ใช่ ทุกข์ก็ทุกข์..เป็นเวทนา สุขก็สุข..เป็นเวทนา
ไม่ใช่คิด ... คิดไม่ได้สุข คิดไม่ได้ทุกข์
โยม – คิดนี่เป็น...
พระอาจารย์ – สังขาร ความปรุง โดยเอาสัญญามารวมกันในความปรุง
โยม – แล้วพอใจ-ไม่พอใจนี่เป็นเวทนา
พระอาจารย์ – เวทนา
โยม – แล้วการที่เราขยับนี่ฮ่ะ อย่างพยักหน้า ขยับ อย่างนี้คือเห็นกาย
หรือเห็นรูปคะ
พระอาจารย์ – เห็นอาการไหวมั้ย
โยม – ค่ะ
พระอาจารย์ – เออ รู้สึกที่ไหว นั่นน่ะกาย วูบๆ วาบๆ น่ะ
โยม – อ๋อ...อือม
พระอาจารย์ – เคยเห็นเปลวไฟมั้ย เปลวไฟที่โดนลมพัดน่ะ
เห็นอาการวูบวาบของมันมั้ย
โยม – ค่ะ
พระอาจารย์ – นั่นแหละ คือกาย
โยม – แต่ก่อนมานี่ไม่รู้ นึกว่าเป็นอันเดียวกัน คือเห็นกายเห็นรูปร่าง กับเห็นอาการไหว นึกว่าเป็นเรื่องเดียวกัน
พระอาจารย์ – มันคนละเรื่องเลย รูปก็รูป นามก็นาม รู้ก็รู้
คนละตัวกันเลยนะ ...เห็นมั้ย แล้วยังมีรู้อีกตัวนึง
ตัวที่เห็นน่ะ
โยม – ค่ะ
(ต่อแทร็ก 3/16 ช่วง 2)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น